หลายคนถามหา กล่องดำ (Black box) จากผมบ่อยครั้งว่า มีมั้ย เอาไปติดตั้ง (plug-in) เข้าไปในระบบเดิมที่มีอยู่โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แล้วสามารถตอบโจทย์เก็บ log ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ได้อย่างครบถ้วน แถมใช้งานง่าย มี GUI ให้คลิกๆๆ ไม่กี่ครั้งจบ -- ณ วันนี้ คำตอบคือไม่มี (หรือถ้าใครมี ช่วยกรุณาบอกผมด้วยนะครับพี่น้อง)
กระแสเก็บ log ตาม พ.ร.บ. คอมฯ มาเป็นระลอกๆ ถ้าจำไม่ผิดประมาณวันที่ 20 หน่อยๆ เดือนนี้ บริษัทห้างร้าน ผู้ประกอบการทั้งหลาย ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะแก่บุคคลทั่วไป เช่น โรงแรม สถาบันการศึกษา ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงร้านเน็ตคาเฟ่ จะครบกำหนดผ่อนผัน เรื่องเก็บ log 180 วันแล้ว ส่วนองค์กรอื่นๆ ที่มีอินเทอร์เน็ตใช้เป็นการภายใน จะถึงคิวประมาณปลายเดือนสิงหาคมปีนี้เช่นกัน
เคยเขียนถึง Open source หลายๆ ตัว ที่น่าจะนำมาใช้เพื่อการนี้ได้ แต่มันก็ไม่ใช่ กล่องดำ สำเร็จรูป ต้องมีการนำไปประยุกต์ใช้ครับ ลำพังองค์กรที่เป็นแค่เพียง end user คงลำบากหน่อย อาจต้องมีที่ปรึกษา
ส่วนตัวผมมีข้อแนะนำสำหรับคนที่พอจะดูแลระบบตัวเองได้บ้าง 3 ข้อ สั้นๆ ง่ายๆ (ตอนทำอาจไม่ง่ายนัก แอบมีประชดเล็กน้อย จากประสบการณ์ตรงกับหลายคนที่ถามผม) เชื่อว่าอีกเยอะครับที่ไม่รู้ (บ้างก็รู้แล้วไม่สน) ด้วยซ้ำว่า มี พ.ร.บ. ฉบับนี้ บังคับใช้แล้ว
- อ่านและทำความเข้าใจกับ พ.ร.บ. ให้ดี -- วัตถุประสงค์ในการให้เก็บ log ของกฎหมายฉบับนี้ คือ ต้องการให้เก็บร่องรอยทุกอย่าง ซึ่งนำไปสู่ตัวบุคคลซึ่งกระทำความผิดได้
- สำรวจตรวจตราดูว่าระบบของตัวเอง เข้าข่ายผู้ให้บริการประเภทใดบ้าง มีอะไรอยู่บ้าง ต้องเก็บอะไรบ้าง
- สุดท้ายค่อยมาไล่เรียง ทีละหน่วยทีละระบบไป ว่าจะทำดำเนินการอย่างไร
ถ้าทำเองไม่ได้ ก็จะได้รู้ว่าเราจะไปจ้างใคร มาทำอะไร อย่างไรให้เราบ้าง จะได้ไม่ถูกหลอก ไม่ถูกโก่งราคาจนเกินไป
กลับมาที่ตัว พ.ร.บ. ฉบับนี้ ประเด็นเก็บ log ผมยังชอบกลับไปอ่าน
ที่นี่ -- และสะดุดกับความเห็นแรกตรงที่บอกว่า
และที่สำคัญ ในขณะที่รัฐมองว่า การระบุตัวบุคคลผ่าน ID Number นั้นมีความสำคัญมาก เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐเองนั้นแหละ ที่เผยแพร่หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของตนเองแบบเละเทะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ข้อมูลในทะเบียนบ้าน ข้อมูลในระบบสารบรรณของราชการที่เต็มไปด้วยหนังสือเวียนหรือรับ-ส่งเรื่อง ฯลฯ การกระทำของรัฐที่เอาข้อมูลส่วนตัวของชาวบ้านไปเผยแพร่นี้ยังไม่มีการฟ้องร้องเอาผิดเลย
จริงหรือไม่ ผมไม่อาจทราบ แต่ถ้าเป็นจริงและยังไม่ได้รับการแก้ไข (หรืออย่างน้อยก็ตระหนัก) ประชาชนตาดำๆ อย่างเราๆ ก็หนาวละครับ
ปล. ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ในบ้านเรา คงจะเรียนรู้จากกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง แต่ยังไงก็ขอให้เรียนรู้จากกรณีของคนอื่น อย่าโดนกับตัวเองนะครับ :-)